Home/ "เด็กชายพูดติดอ่าง" Ongoing
ฉันเป็นเด็กพูดติดอ่างที่ถูกรังแกจนกระทั่งเด็กเลวคนนั้นช่วยชีวิตฉันไว้
About
Table of Contents
Comments

มุมมองของเนท

"มะ..ไมเคิล คลาร์ก",

ผมพูดกับเลขาที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในสำนักงานหอพักของเวสต์วิวไฮ

เธอเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วรีบพิมพ์บางอย่างลงในคอมพิวเตอร์ของเธอ “ไมเคิล เนท คลาร์กใช่ไหม?” เธอถามหลังจากนั้นหนึ่งวินาที และผมก็พยักหน้า

“หอพัก B ห้อง 69” เธอเรียกผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างตู้ เธอล้วงกุญแจอยู่ในกล่อง ในไม่ช้าผู้หญิงคนนั้นก็โยนกุญแจไปที่โต๊ะของเลขาอย่างชำนาญ

“ไมเคิล เธออยู่หอพัก B ห้อง 69” ผู้หญิงคนนั้นพูดแข็งกับเวลา แล้วยื่นกุญแจที่มีเลข 69 มาให้ผม

“อะ... อะ... โอเคครับ” ผมพยักหน้า รีบรับกุญแจจากมือเธอรีบเดินออกจากคิวไป

ผมหยิบกระเป๋าเดินทางและถุงที่วางไว้นอกสำนักงานก่อนจะไปยืนต่อแถว แล้วก็สุ่มเดินไปในทิศทางหนึ่ง

ผมเป็นเด็กใหม่ในโรงเรียนประจำแห่งนี้เลยไม่รู้ทาง ผมต้องหาหอพักของตัวเองให้เจอ จากนั้นก็จัดข้าวของสัมภาระ แล้วก็พักผ่อนจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้เป็นวันแรกของผมในโรงเรียนแห่งนี้ แต่ผมไม่ได้ตื่นเต้นกับมันมากนัก

เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ความซวยทำให้ผมเขียนเรียงความชิงทุนการศึกษา ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเขียนไปเพื่ออะไร เมื่อประกาศผล ปรากฎว่าผมเป็นหนึ่งในเด็กม.ปลายสามคนที่ได้รับเลือกให้เข้าเรียนในโรงเรียนระดับท็อปของรัฐเท็กซัสแห่งนี้ 'โรงเรียนมัธยมเวสต์วิว' พร้อมกับทุนการศึกษา ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยสักแดงเดียว

แต่ผมไม่ได้อยากจะมาสมัครโรงเรียนที่ห่างจากบ้านในรัฐโอคลาโฮมาไปถึงสิบสามชั่วโมงหรอกนะ ที่โรงเรียนเก่าที่ห่างจากบ้านไปแค่ไม่กี่บล็อกผมก็เอาตัวแทบจะไม่รอดแล้ว

พ่อแม่และพี่สาวบังคับให้ผมมาที่นี่ ผมพยายามค้านพวกเขา แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ เงินทุนการศึกษาก้อนใหญ่ต่อเดือนที่ผมได้รับยิ่งทำให้เถียงยากขึ้นไปอีก

ชีวิตผมนี้มันไม่ง่ายเลย แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น จนกระทั้งอเล็กซ์จากไป

อเล็กซ์เป็นพี่ชายคนโตของผม เขาเป็นคนดี ห่วงใย และปกป้องผม อยู่เคียงข้างผมตลอด ครั้งหนึ่งเขาเคยต่อยเด็กผู้ชายคนหนึ่งจากโรงเรียนม.ต้นจนจมูกหักเพราะเขามาล้อเลียนผม อเล็กซ์รักผมมาก ผมก็รักเขาเช่นกัน แต่เขากลับมาทิ้งให้ผมต้องอยู่คนเดียวโดยกระทันหัน ตอนนั้นผมอายุสิบห้าปี เขาอายุสิบเก้า อุบัติเหตุรถยนต์พรากเขาไป ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเกือบสามปีแล้ว แต่ผมก็ยังใจหายอยู่

คนอื่น ๆ เรียกผมว่าไอ้เด็กติดอ้างอยู่ตลอด มันทำให้ผมอยากจะอ้วก ผมไม่ชินกับมันเสียที จะให้เมินมันเสียก็ทำไม่ได้ ใช่ ผมยอมรับว่าผมพูดติดอ้าง ผมพยายามอย่างมากให้ตัวเองเลิกติดอ้างสักที แต่ผมก็ควบคุมมันไม่ได้ อาการมันหนักขึ้นกว่าเดิมด้วยเมื่อตอนที่อเล็กซ์เสียไป ผมไม่รู้แล้วว่าผมจะทำอย่างไรกับมันดี แต่ทำไมพวกเขาต้องมาเรียกผมว่าเด็กติดอ้างด้วยนะ ทั้ง ๆ ที่ผมก็มีชื่อ

มีเพียงไม่กี่คนที่โรงเรียนม.ปลายเก่าที่รู้จักชื่อจริงของผม ผมเป็นเหมือนของเล่นของพวกตัวโจกในโรงเรียน พวกมันชอบสั่งว่า 'เห้ย ไอ้ติดอ่าง มานี่ดิ ไปซื้อขนมจากตู้มาให้หน่อย' หรือ 'เด็กพูดติดอ่าง งานที่ฉันให้เมื่อวานเสร็จหรือยัง' หรือ ' มะ..มะ..ไม..ไมเคิล..วะ..วะ..ว่าไง'

ตอนนี้คุณอาจจะเข้าใจบ้างแล้วว่าชีวิตในโรงเรียนของผมนั้นมันโหดร้ายขนาดไหน พวกมันชอบล้อผม เดินตามหลังผมมาแล้วก็แกล้งทำเป็นพูดติดอ่าง ไม่รู้เหมือนกันว่ามันสนุกตรงไหน บางครั้งพวกเขาก็ผลักและเตะผมด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ยังรักษาเกรดของตัวเองมาได้

ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่พูดกับใครเลยที่โรงเรียนใหม่แห่งนี้ ผมจะเป็นใบ้ไปเลย จะได้ไม่มีใครรู้ว่าผมมีปัญหาเรื่องการพูด แล้วจะได้ไม่ต้องมาเรียกผมว่าไอ้เด็กติดอ่างอีก ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ผมมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือเท่านั้น ผมจะไม่หลงระเริงไปกับเรื่องสัพเพเหระอะไรทั้งนั้น ผมไม่มองว่าโรงเรียนนี้เป็นสถานที่แห่งการเริ่มต้นครั้งใหม่ หรือเป็นที่ที่ผมจะได้หาเพื่อนใหม่ เพราะผมรู้ว่าเรื่องอย่างนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขืนไปทำอย่างนั้น ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วผมก็ต้องตกเป็นตัวตลกของคนอื่นอยู่ดี มนุษย์เรามันเป็นสัตว์ที่โหดร้าย

อืม... ตอนนี้ผมต้องหาหอตัวเองให้เจอก่อน ว่าแต่ มันอยู่ไหนกันล่ะ ผมมองดูกุญแจในมือตัวเองที่มีเลขเขียนกำกับไว้ ผมจะไม่สาธยายหรอกนะว่าตัวเลขนี้มันลามกจกเปรตยังไง แต่ดูแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าผมกำลังเดินไปเจอกับปัญหาครั้งใหม่

หลังจากเดินไปมาประมาณสิบนาที ในที่สุดผมก็เจอหอ B ผมเดินขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลพร้อมกับกระเป๋าเดินทางและถุงใบใหญ่

ในที่สุดผมก็มาถึงหน้าห้อง 69 เสียที ผมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเสียบดอกกุญแจเข้าไปในรู ความปรารถนาเดียวที่ผมมีคือขอให้รูมเมทเป็นคนดีก็พอ หลังจากสูดหายใจเข้าอีกครั้ง ผมก็ผลักประตูเข้าไปอย่างช้า ๆ

แต่ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย ห้องเกือบจะว่างเปล่า เฟอร์นิเจอร์นั้นมีอยู่ แต่ไม่มีกระเป๋าใบอื่นอยู่เลย เหมือนว่ารูมเมทของผมยังมาไม่ถึง เยี่ยม! ผมจะได้จัดแจงข้างของอย่างสงบสุขและพักผ่อนอย่างสบายใจ

ถ้าผมไม่มีรูมเมทมันจะดีมากเลย แต่ผมมีปัญหาใหญ่อยู่หนึ่งเรื่อง ผมกลัวการอยู่คนเดียวในความมืด ตอนที่อยู่บ้าน ผมจะนอนเปิดโคมไฟที่หัวเตียงตลอด ต้องมีคนอยู่ในห้องด้วย ผมถึงจะกล้านอนปิดไฟ

ความกลัวนี้มาจากการตายของอเล็กซ์ เราเคยนอนห้องเดียวกัน ผมเคยนอนกอดเขา แต่เมื่อเขาจากไปอย่างกระทันหัน ผมเลยกลัวการอยู่คนเดียว แอนนาเข้ามานอนเป็นเพื่อนผมอยู่ปีนึง แต่ต่อมาเธอก็แต่งงานและย้ายออกไป

ถ้าจู่ ๆ ไฟดับไป ผมจะเริ่มตื่นตูมโดยไม่จำเป็น แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผมรีบเปิดไฟฉายมือถือก็ได้ อีกอย่างนะ ผมมีโคมไฟอยู่ แล้วก็มีเทียนอีกเพียบเลย ถ้าไม่มีรูมเมทก็ไม่เป็นไร

ผมมองนาฬิกาสีดำที่วางอยู่บนผนังตรงข้ามกับผม มันแสดงเวลาห้าโมงสิบนาที ผมมองไปรอบ ๆ ห้อง มันก็ดูไม่เลวเลย มันใหญ่กว่าที่ผมคาดไว้จริง ๆ แถมยังสวยด้วย พื้นปูกระเบื้องสีขาวและผนังก็เป็นสีขาวสะอาดเช่นกัน พวกเขาน่าจะทาสีใหม่ทุกปี

ในห้องมีเตียงอยู่สองเตียงปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาว เตียงทั้งสองอยู่ห่างกันเล็กน้อย มีโต๊ะหัวเตียงวางประชิดกำแพงอยู่ น่าจะวางโคมไฟเอาไว้ตรงนั้นได้ มุมซ้ายของห้องมีโต๊ะสีดำตัวใหญ่พร้อมกับเก้าอี้พลาสติกสีดำสองตัว อีกด้านหนึ่งมีตู้และชั้นวางของ ผมมองไปรอบ ๆ ด้วยรอยยิ้ม ชักจะเริ่มชอบห้อง ๆ นี้ขึ้นมาแล้วแฮะ

จากนั้นผมก็เดินไปที่ห้องน้ำ มีประตูพลาสติกสีดำเรียบ ๆ แต่ดูดี เข้ากับธีมขาวดำของห้อง ผมเปิดประตูเข้าไปสำรวจห้องน้ำ มันสะอาดและดีเกินมาตรฐานห้องน้ำหอ

ผมเดินกลับมาเริ่มแกะของทีละชิ้น ผมว่าผมยึดตู้กับชั้นวางของทางขวาเลยดีกว่าเพราะรูมเมทผมยังมาไม่ถึง หวังว่าเขาคงจะไม่ว่าอะไรนะที่ต้องได้ข้างซ้ายไป

ผมใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงในการแกะและจัดของอย่างค่อนเป็นค่อยไปเพราะผมมีเวลาล้นมือและไม่มีอะไรจะให้ทำ หลังจากที่ผมจัดของจนพอใจแล้ว ผมก็วางกระเป๋าเดินทางและถุงเปล่าไว้ที่มุมห้อง หยิบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นจากตู้ และเดินไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ

ผมปิดประตูและมองไปที่กระจกห้องน้ำ ยิ้มให้กับเงาสะท้อนของตัวเอง ผมมีผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวและหยิกเล็กน้อย มีดวงตาสีฟ้าอ่อนและรอยยิ้มที่มีรอยบุ๋มกับโหนกแก้มที่โดดเด่น ถ้าผมไม่ติดอ่างนะ คนอื่น ๆ คงจะเรียกผมว่าไอ้หล่อหรือไอ้น่ารักไปแล้ว แต่พอดีผมติดอ่าง ผมเลยเป็นได้แค่ไอ้เนิร์ดที่แปลกพิลึกในสายตาคน

แต่แม่ก็ยังบอกอยู่ว่าผมน่ารัก อเล็กซ์ก็ด้วยเหมือนกัน เขาเรียกผมว่าเด็กน่ารัก อย่างตอนที่เขากลับมาจากโรงเรียน เขาจะพูดว่า 'ว่าไง! พี่กลับมาแล้ว ไอ้เด็กน่ารักของพี่อยู่ไหน' แล้วผมก็จะวิ่งลงบันไปพลางหัวเราะคิกคักไปหาเขา คิดถึงช่วงเวลาแบบนั้นจัง

ผมก้าวเข้าไปในห้องอาบน้ำสแตนเลสขนาดใหญ่ หลังจากถอดเสื้อผ้าและเปิดน้ำแล้ว ผมก็ตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อน้ำเย็นไหลลงมาตามไรผม หน้าผาก คาง และหน้าอกที่เปลือยเปล่าพร้อมกับกล้ามท้องที่แทบจะสังเกตไม่เห็น

หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ผมก็ก้าวออกจากห้องอาบน้ำและสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่ฉันหยิบมาจากตู้ก่อนหน้านี้ ฉันก้าวกลับเข้าไปในห้องและมองไปที่เตียงด้านขวา ฉันจองเตียงนี้แล้วด้วยการวางมือถือผมไว้บนนั้น ผมเดินไปนั่งบนขอบ หยิบมือถือขึ้นมาและโน้มตัวนอนลง กะว่าจะดูหนังเน็ตฟลิกซ์สักหน่อยในเมื่อไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว สุดท้ายผมก็ดูอเวนเจอร์ซ้ำอีกรอบ

เวลาผ่านมาได้สักพัก เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นจากที่ไหนไม่รู้ ทำเอาผมเกือบสะดุ้ง มือถือบอกเวลาสองทุ่ม กระดิ่งโรงอาหารเรียกนักเรียนไปทานมื้อเย็น แต่ผมไม่ไปหรอก เพราะผมไม่หิว

หนึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็เริ่มเบื่อ ผมวางมือถือไว้ข้าง ๆ หลังจากตั้งปลุกตอนหกโมง ผมเปิดไฟกลางคืนและปิดไฟก่อนจะนอนลงอีกครั้งและดึงผ้าห่มขึ้น จากนั้นก็นอนตะแคงและขดตัว รอเวลาให้ตัวเองหลับไป

พรุ่งนี้คงไม่แย่ขนาดนั้น ไม่แน่ มันอาจเป็นเวลาแห่งการเริ่มต้นครั้งใหม่จริง ๆ ก็ได้

You may also like

Download APP for Free Reading

novelcat google down novelcat ios down